Sunday, November 18, 2018

การกวนเกษียรสมุทร ตอน ต้นปาริชาติ



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : http://plastraporn.blogspot.com/2016/03/2.html
          

          เมื่อนานมาแล้วเหล่าเทพและยักษ์ได้สู้รบกันเพื่อแย้งชิงสวรรค์อันเป็นพื้นที่เดิมของพวกยักษ์ ในสมัยนั้นทั้งเทพและยักษ์ต่างมีฤทธิ์พอๆกัน เนื่องจากต่างฝากก็มักจะได้รับพรจากพระศิวะและพระพรหม โดยฝ่ายเทพนำโดยพระอินทร์ ได้พยายามทุกวิธีทางเพื่อจะยึดสวรรค์มาให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยึดไม่ได้เสียที ด้วยเหตุว่าพระอินทร์ถูกฤาษีตนหนึ่งสาปไว้ ให้หมดฤทธิ์อำนาจ เนื่องจากเอาดอกไม้ที่ฤาษีถวายไปให้ช้างเอราวัณเหยียบ

เมื่อสู้อย่างไรก็สู้ไม่ได้ พระอินทร์ก็จึงไปขอความช่วยเหลือจากพระศิวะและพระพรหม แต่พระศิวะและพระพรหมไม่ให้ความช่วยเหลือ เพราะถือว่าพรอันใดได้ให้ใครไปแล้วก็ให้ไปเลย พระอินทร์จึงเหลือที่พึงสุดท้ายคือพระนารายณ์ (พระวิษณุ) ซึ่งพระนารายณ์ก็แนะนำให้ไปทำพิธีกวนเกษียรสมุทรในทะเลน้ำนม เพื่อให้ได้น้ำอมฤตมาดื่มจะได้มีพลังและไม่มีวันตาย 



ที่มา : http://www.ch3thailand.com/news/scoop/14034


               การกวนเกษียรสมุทร ถือเป็นพิธีกรรมยิ่งใหญ่ที่เหล่าเทพและอสูรมาร่วมมือกัน เนื่องจากหวังของวิเศษที่อุบัติจากการกวนครั้งนี้ โดยเฉพาะ “น้ำอมฤต” ซึ่งจะทำให้ผู้ดื่มกลายเป็นอมตะ นอกจากนั้นยังประกอบด้วยสิ่งมหัศจรรย์อีกหลายอย่าง ได้แก่ พิษหะลาหัล ดวงจันทร์ แก้วเกาสตุภะ ดอกบัวที่ผุดออกมาพร้อมพระแม่ลักษมี วารุณีซึ่งเป็นเทวีแห่งสุรา ช้างเผือกเอราวัณ ม้าอุจฉัยศรพ ต้นปาริชาติ โคสุรภี หริธนู สังข์ เหล่านางอัปสรและธันวันตริผู้เป็นแพทย์สวรรค์ แต่ที่ร้ายแรงที่สุด คือ พิษหะลาหัล หรือพิษร้ายที่พญาวาสุกรีพ่นออกมา เป็นเหตุให้พระศิวะต้องมาช่วยดูดพิษไว้เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อโลก พระองค์จึงมีพระศอสีดำ

               ตามตำนานฮินดูเชื่อกันว่า พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นในเกษียรสมุทร โดยพระวิษณุยกเขามันทระมาให้เหล่าเทวาและอสูรใช้เป็นไม้กวน และใช้พญาวาสุกรี พญานาคที่เป็นพาหนะของพระองค์ เป็นเชือกกวน รวมถึงโปรยสมุนไพรต่างๆ ลงไปในบริเวณที่กวน จากนั้นจึงตกลงกันให้ฝ่ายอสูรถือข้างหัวนาค และฝ่ายเทวดาถือข้างหางนาค เมื่อช่วยกันกวนไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าเขามันทระเสียดสีพื้นโลก พระนารายณ์จึงเกรงว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ จะทำให้โลกพังได้ จึงอวตารเป็นเต่ายักษ์ ลงไปรองรับเขามันทระไว้ 



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : https://i.ytimg.com/vi/SSuBGOcz0n8/hqdefault.jpg


          คำว่า เกษียรสมุทร แปลว่าทะเลน้ำนม ซึ่งเป็นสถานที่อยู่ของพระนารายณ์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ โดยชื่อทะเลน้ำนมนั้น มาจากลักษณะพื้นน้ำที่เป็นสีเงินยวงราวกับน้ำนม เพราะได้รับรัศมีแห่งอัญมณีสีเงินยวงจากเขาพระสุเมรุมาทาบทับ แต่บ้างก็เชื่อว่า เป็นทะเลน้ำนมจริงๆ ตามที่ตั้งชื่อ



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กวนเกษียรสมุทร ต้นปาริชาต
ที่มา : http://kroobannok.com/news_pic/p33010220500.jpg

ตำนานต้นปาริชาต

          ปาริชาต เป็นต้นไม้แห่งความสมปรารถนาเช่นเดียวกับกามเธนุ (แม่โคกามเธนุหรือโคสุรภีนั้นเป็นโคสารพัดนึก และเป็นมารดาแห่งโคทั้งหลาย) และเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรเช่นกัน พระอินทร์นำไปปลูกไว้ในสวนของพระองค์บนสวรรคโลก 

          ในกฤษณาวตาร ภาคหนึ่งของพระวิษณุ ได้แอบไปขโมยต้นปาริชาตจากสวรรค์ตามความปรารถนาของนางสัตยภามา ซึ่งเป็นชายาของพระองค์ แต่เกรงว่านางรุกมินี ชายาอีกคนจะน้อยใจ จึงปลูกต้นปาริชาตไว้ในสวนของนางสัตยภามาแต่หันกิ่งก้านไปทางสวนของนางรุกมินี เวลาที่ดอกปาริชาตร่วงหล่นจะได้ตกใส่สวนของนาง ด้วยเหตุนี้ต้นปาริชาตจากสวรรค์จึงได้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์

          อีกตำนานกล่าวถึงหญิงสาวนางหนึ่งหลงรักพระสุริยเทพ นางได้แต่นั่งเฝ้าชมราชรถของพระองค์ขับเคลื่อนผ่านไปทุกเช้าเย็น ช่วงแรกพระสุริยเทพก็สนใจในตัวนางดีแต่ต่อมาไม่นานพระองค์ก็ไปหลงรักหญิงอื่น นางจึงฆ่าตัวตาย จากนั้นต้นปาริชาตก็เกิดขึ้นจากกองเถ้าถ่านที่เผาศพนาง เป็นต้นไม้ที่มีดอกสีขาวแต้มแดงและบานส่งกลิ่นหอมในยามค่ำคืนเท่านั้น เมื่อถึงยามรุ่งอรุณดอกปาริชาตก็ร่วงโรยดุจน้ำตาของนาง บางครั้งก็เชื่อกันว่า ดอกปาริชาตเป็นดอกไม้แห่งความเศร้า



ที่มา : https://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/jubjib/82638-new-993303.jpg


          ในวรรณคดีทางพุทธศาสนา เช่น เตภูมิกถา และ กามนิตวาสิฏฐี กล่าวว่า ต้นปาริชาต คือ ต้นทองหลาง อยู่ในปุณฑริกวันบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์มีดอกสีแดงฉาน ร้อยปีจึงจะบานสักครั้ง ทุกครั้งที่บานจะส่งกลิ่นหอมและมีแสงสว่างไปทั่ว เหล่าเทพบุตรเทพธิดาจะมาฉลองร่วมกันใต้ต้นปาริชาต
          ผู้ใดที่ต้องการดอกไม้ไปทัดหูเพียงยื่นมือออกไปดอกไม้นั้นก็หล่นลงมาเอง หากรับไม่ทันจะมีลมหมุนวนประคองไว้จนกว่าจะรับได้ กลิ่นของดอกปาริชาตจะทำให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปเกิดอาการวิงเวียนและสามารถระลึกชาติได้ ตั้งแต่ชาติที่ใกล้ที่สุดจนถึงชาติที่ไกลโพ้นออกไป ในขณะที่ดอกปาริชาตในอินเดีย คือ ดอกกรรณิการ์ ของไทยเรานั่นเอง เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีของหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่ และเป็นดอกไม้สำหรับบูชาพระกฤษณะ

ลักษณะของต้นปาริชาต


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้นปาริชาต
ที่มา : https://variety.thaiza.com/dhamma/264734/

          มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม มีดอกสีขาวแต้มแดงกลิ่นหอมอบอวล  เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 5-10 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามเรือนยอดเป็นพุ่มกลมโปร่ง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางจะโตกว่าสองใบด้านข้าง ออกดอกเป็นช่อยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตร รูปดอกถั่ว สีแดงเข้ม ออกดอกระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักยาว 15-30 เซนติเมตร


ตัวอย่างงานศิลปะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ งานศิลปะฝาผนัง ต้นปาริชาต
ที่มา : http://www.sookjai.com/index.php?action=printpage;topic=108311.0


               ในงานจิตรกรรมไทยต้นกัลปพฤกษ์ในสวนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ปรากฏไม่มาก ตัวอย่างสำคัญคือ บานประตูฉากลายรดน้ำในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทที่วาดขึ้นในรัชกาลที่ ๔ ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (ภาพที่ ๔) โดยฉากลายรดน้ำนี้วาดภาพพิธีอินทราภิเษก ภาพเทพชุมนุมที่สุธัมมาเทวสภา และแท่นบัณฑุกัมพลใต้ต้นปาริชาติในสวนปุณฑริกวัน ซึ่งเป็นการรวมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระอินทร์โดยเฉพาะ


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : https://www.tnews.co.th/contents/372023

          ปาริชาต คือต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสรวงสวรรค์หรือเป็นดอกไม้ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในพระไตรปิฎก บอกไว้ว่าเมื่อต้นปาริชาติในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว เทวดาชั้นดาวดึงส์ต่างพากันดีใจ เอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะ ๕ เดือนทิพย์ ณ ใต้ต้นปาริชาต ซึ่งเมื่อบานเต็มที่แล้ว แผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ ในบริเวณรอบๆ และจะส่งกลิ่นไปได้ ๑๐๐ โยชน์ตามลม โดยมีความเชื่อกันว่า ดอกปาริชาต หากใครได้ดมแล้วก็จะระลึกชาติได้ ได้รู้เห็นอดีตชาติของตนเอง
        
         จึงเป็นเหตุที่เลือกใช้ดอกปาริชาต ในการประดับพระจิตกาธานในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ โดยดอกปาริชาตที่ใช้เป็นดอกไม้ไหวปักด้านบนของรอบชั้นรัดเกล้า มีจำนวน ๗๐ ดอก เปรียบดั่ง ๗๐ ปีการครองราชย์ โดยประดิษฐ์จากกลีบดอกกล้วยไม้เย็บแบบและกลีบดอกบานไม่รู้โรย ประดับด้วยปีกแมลงทับและเมล็ดธัญพืชพันธุ์ที่ได้พระราชทานให้แก่เกษตรกร ส่วนเกสรชั้นในสุดทำจากนพรัตน์ ๙ ดวง จากจังหวัดจันทบุรี ตรงกลางประดับด้วยเพชรแท้ ล้อมรอบด้วยอัญมณี ๘ สี ส่วนการยึดดอกปาริชาตบนหยวกรอบจิตกาธานนั้น ทำด้วยแกนที่เหลาจากไผ่สีสุกอย่างโบราณ ตัดสั้นยาวแล้วแต่ฝีมือช่างดอกไม้ในระหว่างการติดตั้ง


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : https://www.matichon.co.th/education/news_704501/attachment/ดอกปาริชาติ-2


                                    

                 🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽🔽



เอกสารอ้างอิง


เปิดตำนานการกวนเกษียรสมุทร. (ม..ป). เปิดตำนานการกวนเกษียรสมุทร. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561. จาก : http://www.ch3thailand.com/news/scoop/14034

ตำนานการกวนเกษียรสมุทร. (ม..ป). ตำนานการกวนเกษียรสมุทร. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561. จาก : https://www.unzeen.com/article/1976/


ดอกปาริชาตดอกไม้แห่งสวรรค์. (ม..ป). ดอกปาริชาตดอกไม้แห่งสวรรค์. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561. จาก : https://hilight.kapook.com/view/82662

ตำนานและความเชื่อเรื่องดอกปาริชาต. (ม..ป). ตำนานและความเชื่อเรื่องดอกปาริชาต. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561. จาก : https://horoscope.mthai.com/horoscope-highlight/20739.html


ดอกปาริชาตประดับพระจิตกาธาน. (2560). ดอกปาริชาตประดับพระจิตกาธาน. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561. จาก : https://www.tnews.co.th/contents/372023

Sunday, October 21, 2018

เมืองโบราณวีกัน

⊳ เมืองมรดกโลกในประเทศฟิลิปปินส์



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมืองโบราณวีกัน
ที่มา : https://project528.wordpress.com/philippines/แหล่งโบราณสถาน/


                 วีกัน เมืองมรดกโลกในประเทศฟิลิปปินส์ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุด โดยเมืองวีกันนี้นั้น ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะลูซอน ที่จังหวัดอีโลโกสซูร์ ทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ โดยลักษณะการวางผังเมืองของวีกัน เป็นการวางผังเมืองที่ดีที่สุดในยุคอาณานิคมสเปน เป็นเมืองการค้าของยุโรปในเอเชียที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมของทั้งจีนและยุโรปอย่างกลมกลืน

               เมืองวีกันยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1999 โดยถูกเรียกว่า เป็นเมืองที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคมของสเปนไว้ได้อย่างดี ตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำอาบราที่ติดกับทะเลจีนใต้ บริเวณที่เป็นเขตอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำโกวันเตส (Govantes) และแม่น้ำเมสตีโซ (Mestizo) อีกทั้งยังมีโบราณสถานที่เป็นโบสถ์เก่าแก่สมัยอาณานิคม เช่น มหาวิหารบีกัน (Cathedral of Vigan) อีกด้วย



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/พาไปชมความคลาสสิกของเมืองประวัติศาสตร์วีกัน-ฟิลิปปินส์/


ที่มา : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/1_24.html


               อีกสถานที่สำคัญในเมืองวีกันที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง ที่มีความทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ คือ มหาวิหารวีกัน หรือ อาสนวิหารนักบุญเปาโล ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของมหาวิหารนี้และถูกสร้างโดย ฮวน เดอ ซันซีโด เป็นทหารชาวสเปนที่เข้ามายังฟิลิปปินส์ในช่วงอาณานิคม 

               มหาวิหารวีกัน ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1574 ตั้งอยู่ในนครวีกัน บนเกาะลูซอนทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งห่างจากเมืองหลวงของฟิลิปปินส์ประมาณ 400 กิโลเมตร


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : https://iamjoannroyal.wordpress.com/2012/05/11/the-churches-of-ilocos/

ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/พาไปชมความคลาสสิกของเมืองประวัติศาสตร์วีกัน-ฟิลิปปินส์/


               มีการเล่าต่อๆกันมาในเรื่องของมรดกโลกในฟิลิปปินส์ว่าเกิดจากการเข้ามาของเจ้าอาณานิคมสเปนเมื่อ 400 กว่าปีก่อน แต่มหาวิหารแห่งนี้นั้น ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม ตัวอาสนวิหารเป็นสีขาวสว่างน่าจับตามอง ซึ่งเป็นรูปแบบศิลปะบารอกที่รุ่งเรืองขึ้นมาด้วยการสนับสนุนจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก ด้วยความผสมผสานกันระหว่างศิลปะจีนและศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกนี้ จึงทำให้เกิดเป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในฟิลิปปินส์อีกด้วย



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมืองโบราณวีกัน
ที่มา : http://art-in-sea-whatdoyousee.blogspot.com/2017/10/blog-post.html


               นอกจากจะมีมหาวิหารให้เยี่ยมชมแล้วนั้น ภายในเมืองก็ยังมีร้านอาหาร บ้านและตึกแบบยุคโบราณมากมาย โดยไฮไลท์จะอยู่ตรงที่มีรถม้าบริการทุกท่านและพาชมรอบๆเมือง โดยร้านอาหารส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารสเปน โรงแรม ที่พักก็ยังคงรักษาความเป็นอาคารรูปแบบเก่าๆ ไว้ทุกแห่ง 



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วีกัน
ที่มา : http://espanyc.com/เมืองประวัติศาสตร์วีกั/


               เป็นยังไงกันบ้างคะกับเมืองมรดกโลกที่เรานำมาให้ทุกท่านชมกันในบล็อกนี้ นอกจากจะถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดแล้ว ยังได้รับรางวัลมรดกโลกอีกด้วย แถมยังรักษาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคมที่ทรงคุณค่าไว้อีกด้วย สุดท้ายนี้แล้ว สถานที่ที่สวยงามและทรงคุณค่าแห่งนี้ยังรอให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ฉะนั้นหากใครมีโอกาสก็ต้องลองไปเยี่ยมชมและดื่มด่ำกับเมืองโบราณแห่งนี้กันสักครั้งนะคะ :-) 



                                                 ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛

เอกสารอ้างอิง




      บีกัน. (ม.ป.ป). บีกัน. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/บีกัน



      มหาวิหารวีกัน มรดกโลกจากเจ้าอาณานิคม. (2560). มหาวิหารวีกัน มรดกโลกจากเจ้าอาณานิคม. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จาก : http://art-in-sea-whatdoyousee.blogspot.com/2017/10/blog-post.html



ความคลาสสิคของเมืองประวัติศาสตร์วีกัน. (2560). ความคลาสสิคของเมืองประวัติศาสตร์วีกัน. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จาก : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/พาไปชมความคลาสสิกของเมืองประวัติศาสตร์วีกัน-ฟิลิปปินส์/


มรดกโลกในฟิลิปปินส์. (ม.ป.ป). มรดกโลกในฟิลิปปินส์. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จาก : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/1_24.html

Saturday, October 6, 2018

ปราสาทหมีเซิน

⊳ หุบเขาศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน 

หนึ่งในสถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีตของประเทศเวียดนาม


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หมีเซิน
ที่มา : http://aseanworldheritagspotbymatsarinach.blogspot.com/2017/10/blog-post.html


               สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน (My Son Sanctuary) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “หุบเขาศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน” โบราณสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่รวบรวมลักษณะทางด้านศิลปกรรมที่หลากหลายเอาไว้ ถูกเรียกว่า เป็นกลุ่มโบราณสถานในศาสนาฮินดูที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในอินโดจีน 


               ปราสาทหมีเซินเป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาสูง รายล้อมไปด้วยภูเขา อยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม  ระหว่างเมืองฮานอยและดานัง ซึ่งคำว่า "หมีเซิน" นี้นั้นมีความหมายว่า ภูเขาที่มีความสวยงาม

               


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หมีเซิน
ที่มา : http://architectureinsea.blogspot.com/2017/10/my-son-sanctuary.html


               ปราสาทหมีเซิน เป็นโบราณสถานซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบฮินดูที่สมบูรณ์ และในอดีตนั้นเคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรจามปา ที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าภัทรวรมันที่ 1 ในศตวรรษที่ 4 โดยปราสาทนี้ถูกใช้เป็นศาสนสถานตามความเชื่อของศาสนาฮินดูไว้ใช้ในการทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์

               

ที่มา : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/3.html





     
               ปราสาทหมีเซินนี้ยังได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 23 เมื่อปี พ.ศ. 2542 ที่เมืองมาร์ราเกช ประเทศโมร็อกโก โดยที่ปราสาทหมีเซินนี้นั้น ถือว่ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณามรดกโลด้านวัฒนธรรม 



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ปราสาทหมีเซิน
ที่มา : http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth/จามปา/item/155-ปราสาทมิเซินd.html



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ปราสาทหมีเซิน
ที่มา : https://www.klook.com/th/activity/1602-my-son-discovery-hoi-an/


               เป็นยังไงกันบ้างคะกับสถานที่ที่เรานำมาให้ทุกท่านชมกันในบล็อกนี้ นอกจากจะเป็นปราสาทที่ได้รับรางวัลมรดกโลกเป็นการการันตีแล้วนั้น ยังมีคุณค่าของศิลปะโบราณที่สวยงามและสมบูรณ์ รอให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างพากันไปเยี่ยมชมมากมายปีละไม่ต่ำกว่าล้านคนเลยทีเดียว  ฉะนั้น หากใครมีโอกาส ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมปราสาทหมีเซินนะคะ :-) 

 



                                                  ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛


เอกสารอ้างอิง


มรดกโลกในเวียดนาม. (ม.ป.ป). มรดกโลกในเวียดนาม. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จาก : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/3.html


หมีเซิน เมืองมรดกโลก. (2560). หมีเซิน เมืองมรดกโลก. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จาก : http://www.aec10news.com/ท่องเที่ยวอาเซียน/item/5466-หมีเซิน-เมืองมรดกโลก


หมีเซิน มรดกทางวัฒนธรรมของโลก. (2557). หมีเซิน มรดกทางวัฒนธรรมของโลก.
สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จาก : http://vovworld.vn/th-TH/คลปวดโอ/หมเซน-มรดกทางวฒนธรรมของโลก-266050.vov


โบราณสถาน หมี่เซิน. (2559). โบราณสถาน หมี่เซิน. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จาก : https://maanow.com/ท่องเที่ยว/20-โบราณสถาน-หมี่เซิน-my-son.html


หุบเขาศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน เมืองมรดกโลกแห่งเวียดนาม. (2560). หุบเขาศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน เมืองมรดกโลกแห่งเวียดนา.  สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จาก : http://aseanworldheritagspotbymatsarinach.blogspot.com/2017/10/blog-post.html


Thursday, September 20, 2018

พระราชวังทังลอง



⊳ มรดกโลกพันปีของเวียดนาม

พระราชวังที่มีอายุกว่า 1,000 ปีสร้างขึ้นในสมัย
ราชวงศ์หลีเวียตเพื่อประกาศเอกราชของอาณาจักรด๋ายเวียต



               สวัสดีค่ะ สำหรับบล็อกนี้เรามีสถานที่หนึ่งในประเทศเวียดนามที่อยากจะให้ทุกท่านได้ลองไปกันดูสักครั้ง นับได้ว่า เป็นแหล่งมรดกโลกอีกแห่งของประเทศเวียดนามเลย อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมอีกด้วยนะคะ ส่วนในเรื่องความใหญ่โตและสวยงามคงไม่ต้องบอกนะคะ และที่สำคัญคือ เป็นพระราชวังที่สร้างจากหินแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ไปชมกันเลย!


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระราชวังทังลอง
ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/พระราชวังทังลอง-
พระราชวังที่สร้างด้วยหิน-งดงามข้ามกาลเวลา/
               

               พระราชวังทังลอง เป็นพระราชวังที่สร้างจากหิน โดยที่ใช้วิธีแบบโบราณในการสร้าง มีขนาดที่ใหญ่โตและสวยงาม อีกทั้งอายุของสถานที่แห่งนี้ยังมากกว่า 1,000 ปี พระราชวังทังลองนี้สร้างในสมัยราชวงศ์หลีเวียต โดยที่มีจุดประสงค์คือ เป็นการประกาศอิสรภาพของอาณาจักต๋ายเวียต


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระราชวังทังลอง
ที่มา : http://espanyc.com/ป้อมปราการจักรพรรดิแห่/

                       
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : https://muan.sanook.com/563/



               อีกหนึ่งความพิเศษก็คือ พระราชวังทังลองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 34 ปีพุทธศักราช 2553. ที่กรุงบราซีเลีย ประเทศบราซิลอีกด้วย เพราะพระราชวังทังลองนี้นั้นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลที่ช่วยส่งผลให้เกิดการพัฒนาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม สวน รวมไปถึงภูมิทัศน์


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระราชวังทังลอง
ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/พระราชวังทังลอง
-พระราชวังที่สร้างด้วยหิน-งดงามข้ามกาลเวลา/


               พระราชวังทังลองเกิดจากการผสมผสานศิลปะจากอาณาจักรสำคัญทั้ง 2 อาณาจักร ได้แก่ อาณาจักรฮั่น (จีน) และ อาณาจักรจัมปาทางใต้ และส่วนค่าเข้าชมพระราชวังก็ราคาย่อมเยาว์มากๆผู้ใหญ่ค่าเข้าชมเพียงแค่ 16 บาทไทย (10,000 ดงเวียดนาม) แต่หากเป็นเด็กระหว่างอายุ 10-15 ปีก็จะราคา 5,000 ดงเวียดนามหรือประมาณ 8 บาทไทยนั่นเอง 
              ส่วนวันเวลาที่เปิดให้เข้าชมคือทุกวันเลย แต่ฤดูร้อนและฤดูหนาวเนี่ย เวลาเปิดทำการไม่เหมือนกันค่ะ โดยที่ช่วงหน้าร้อนจะเปิดตั้งแต่ 07.00 - 17.00 น. แต่ถ้าหากเป็นช่วงหน้าหนาวจะเปิดเวลา 07.00 - 17.30 น. ฉะนั้น ใครที่มาฮานอยไม่ควรพลาดเลยนะคะ 

            
ที่มา : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/4.html


               เป็นยังไงกันบ้างคะกับสถานที่ที่เรานำมาให้ชมกันในบล็อกนี้ หากใครอยากจะเห็นสถานที่ที่สวยงามและใหญ่โต อีกทั้งยังถือเป็นหลักฐานของวัฒนธรรมและอารยธรรมอันโดดเด่นของประเทศเวียดนาม นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่เราอยากให้ทุกท่านได้ลองไปเยี่ยมชม ดื่มด่ำกับความงดงามและยิ่งใหญ่ของพระราชวังทังลอง  รับรองเลยว่า ทุกท่านจะได้อะไรมากมายจากเมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมเมืองนี้กลับไปแน่นอนค่ะ 
ยังไงก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมกันนะคะ :-)




                                                  ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛




เอกสารอ้างอิง


พระราชวังทังลอง พระราชวังที่สร้างด้วยหิน. (2560). พระราชวังทังลอง พระราชวังที่สร้างด้วยหิน. สืบค้นวันที่ 19 กันยายน 2561. จาก : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/พระราชวังทังลอง-พระราชวังที่สร้างด้วยหิน-งดงามข้ามกาลเวลา/


ป้อมปราการจักรพรรดิแห่งทังลอง-ฮานอย. (ม.ป.ป). ป้อมปราการจักรพรรดิแห่งทังลอง-ฮานอย. สืบค้นวันที่ 19 กันยายน 2561. จาก : http://espanyc.com/ป้อมปราการจักรพรรดิแห่/


ป้อมปราการหลวงทังลอง. (ม.ป.ป). ป้อมปราการหลวงทังลอง. สืบค้นวันที่ 19 กันยายน 2561. จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ป้อมปราการหลวงทังล็อง


มรดกโลกในเวียดนาม. (ม.ป.ป). มรดกโลกในเวียดนาม. สืบค้นวันที่ 19 กันยายน 2561. จาก : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/4.html

Monday, September 10, 2018

วัดปรัมบานัน

⊳ อาณาจักรแห่งทวยเทพ

หนึ่งในศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ :-)




ยอคยาการ์ต้า เปิดเส้นทางเที่ยวบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย
ที่มา : https://travel.mthai.com/world-travel/66893.html

               ➝ จันดีปรัมบานันหรือจันดีราราจงกรัง ถือเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย โดยเทวสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชวากลาง ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตาไปทางตะวันออก 
ตัววัดถูกสร้างขื้นประมาณปี พ.ศ. 1390 แต่หลังจากนั้นไม่นาน วัดแห่งนี้ก็ถูกละเลยและปล่อยให้ทรุดโทรม 
แต่ได้มีการเริ่มบูรณะวัดขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2461 และสิ้นสุดการบูรณะของสิ่งก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2496



pammanun08
ที่มา : https://travel.mthai.com/blog/73785.html

               ปรัมบานันนี้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลก และถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัววัดนั้นมีความโดดเด่นตรงที่สถาปัตยกรรมและความใหญ่โตของปรางค์ อีกทั้งปราสาทหินปรัมบานัน ยังได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 ภายใต้ชื่อว่า “กลุ่มวัดปรัมบานัน” เมื่อปี พ.ศ. 2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย



pammanun15
ที่มา : https://travel.mthai.com/blog/73785.html

               ปรัมบานัน ตั้งอยู่บนเกาะชวา โดยที่คนท้องถิ่นอินโดนีเซียจะเรียกปรามบานันว่า วัดโลโรจองรัง ซึ่งเป็นศาสนสถานของฮินดูที่ยิ่งใหญ่และงดงามไปด้วยลวดลายแกะสลักหินอันวิจิตร
               
              โดยเทวาลัยขนาดใหญ่ 3 หลังที่ตั้งอยู่กลางกลุ่มเทวลัยก็คือ สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่และมีความโดดเด่นมากที่สุด โดยมีการออกแบบคล้ายเจดีย์ทรงกลีบมะเฟือง ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดีย โดยที่มีความเชื่อกันว่า เป็นเทวาลัยที่สร้างถวายแด่พระอิศวร ซึ่งมีห้องกลางเป็นที่ประดิษฐานรูปพระอิศวร และยังทีห้องเล็กๆที่ประดิษฐานรูปพระคเณศวรอยู่ทางทิศตะวันตกกับห้องที่ ประดิษฐานรูปพระอิศวรปางมหาโยคีอยู่ทางทิศใต้ และห้องที่ประดิษฐานรูปนางทุรคาทางทิศเหนือ




ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ปรัมบานัน-อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งแดนอิเหนา/



               ส่วนเทวาลัยอีก 2 หลังที่มีขนาดเล็กกว่านั้น ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ อาจจะเป็นไปได้ว่า เทวาลัยทิศเหนือสร้างถวายแด่พระนารายณ์ ส่วนเทวาลัยทางทิศใต้นั้นสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระพรหม อีกทั้งลวดลายแกะสลักหินเป็นเรื่องราวต่างๆ ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเทวสถานเหล่านี้

               ซึ่งมีทั้งภาพแกะสลักนูนต่ำบริเวณฐานที่มีลวดลายวิจิตรบรรจง มีทั้งลวดลายราชสีห์คายช่อพฤกษา รูปสิงห์ นกแก้ว พวงมาลัย ส่วนชั้นที่เป็นเรือนวิมารนั้นก็แกะสลักเป็นรูปทวยเทพ ชั้นรององค์สำคัญๆประดับโดยรอบไปจนถึงยอดทรงกลีบมะเฟือง



ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ท่องไปในดินแดนชวา-เยือนจันดีราราจงกรัง-“-ปรับบานัน”-อาณาจักรแห่งทวยเทพ/

               สุดท้ายนี้หากใครที่ชื่นชอบภาพสลักหรือโบราณสถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราว และยังเป็นสถานที่ที่ได้รับรางวัลมรดกโลก มีความโดดเด่นอยู่ที่องค์เทวาลัยและมหาปราสาท ปรัมบานันก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เราอยากให้ทุกท่านได้ลองไปเยี่ยมชมและดื่มด่ำกับความงดงามของสถานที่แห่งนี้ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งวัดปรัมบานันก็็อยู่ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตาไปทางตะวันออกเพียงแค่ 18 กิโลเมตร ยังไงก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมกันนะคะ :-)



                                                   ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛ ⛛




เอกสารอ้างอิง



เปิดเส้นทางเที่ยวบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย. (2557). เปิดเส้นทางเที่ยวบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2561. จาก : https://travel.mthai.com/world-travel/66893.html

มรดกโลก Prambanan อินโดนีเซีย. (2556). มรดกโลก Prambanan อินโดนีเซีย. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2561. จาก : https://travel.mthai.com/blog/73785.html

อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งแดนอิเหนา. (2560). อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งแดนอิเหนา. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2561. จาก : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ปรัมบานัน-อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งแดนอิเหนา/


ท่องไปในดินแดนชวา. (2560). ท่องไปในดินแดนชวา. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2561. จาก : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ท่องไปในดินแดนชวา-เยือนจันดีราราจงกรัง-“-ปรับบานัน”-อาณาจักรแห่งทวยเทพ/